รังแค คันหนังศีรษะ

รังแค ที่เราเห็นอยู่โคนผมบนหนังศีรษะมีลักษณะเป็นขุยเหรือสะเก็ดสีขาว ซึ่งรังแคก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เส้นผมหลุดร่วง และทำให้เกิดความมั่นใจในการใช้ชีวิต หากจะใส่เสื้อผ้าสีเข้มๆแต่รังแคกลับร่วงทำให้เห็นได้ชัด คงไม่ใช่ปัญหาเล็กๆแน่นอน

รังแค เกิดจากผิวหนังบนศีรษะเกิดการอักเสบ กลายเป็นสะเก็ดหนังศีรษะที่หลุดออกมาจนเห็นได้ชัด ซึ่งปกติแล้วหนังศีรษะที่หลุดลอกออกนั้นมาจะมองไม่เห็น แต่เมื่อหนังศีรษะเกิดการระคายเคือง ร่างกายจะเร่งการผลัดเซลล์ผิว และเมื่อเซลล์เหล่านั้นรวมตัวกันเป็นจำนวนมากที่ผิวชั้นบนหนังศีรษะ ก็จะกลายเป็นรังแคที่เราเห็นได้ชัดนั่นเอง ซึ่งรังแคเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผมได้มากกว่าปกติ และที่สำคัญเมื่อเป็นรังแคก็ทำให้เสียบุคลิกภาพได้หากหลุดลอกออกมาแล้วร่วงมาพร้อมกับเส้นผมบนเสื้อผ้าตามบริเวณหัวไหล่ หรือหลัง แผ่นขุยสะเก็ดเล็กๆนี่แหล่ะปัญหาที่หลายๆคนกังวลใจเป็นอย่างมาก ปล่อยทิ้งไว้นานๆไม่ทำการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะยิ่งเป็นสาเหตุทำให้เส้นผมหลุดร่วงมากยิ่งขึ้นไป

เห็นเป็นขุยๆเล็กๆแบบไหน ใครจะรู้ว่ารังแคยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาบนหนังศีรษะอื่นๆตามมานั่นก็คือ อาการผมร่วงจากกรรมพันธุ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนซึ่งรังแคจะเป็นตัวกระตุ้นให้ผมร่วงเร็วขึ้นกว่าปกติ ดังนั้นสำหรับใครที่เริ่มเป็นรังแคในระยะเริ่มแรกควรหาวิธีรักษาเพื่อช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมและยังเป็นการป้องกันการอักเสบของผิวหนังศีรษะ

สาเหตุของการเกิดรังแค

1. เกิดจากเชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งปกติบนหนังศีรษะของเราต่างมีเชื้อรากันอยู่แล้วทุกคนแต่จะมีในปริมาณที่มากหรือน้อยแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละคน ส่วนผู้ที่เป็นรังแคอาจจะเกิดจากปัจจัยอื่นๆจึงทำให้เชื้อราบนหนังศีรษะเจริญเติบได้ดีกว่าปกติ สภาพอากาศ สิ่ง
2. แวดล้อมภายนอกมลภาวะต่างๆ ที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องสัมผัสและเจอในทุกวัน เช่น แสงแดด อากาศเย็น อากาศร้อน ลม ก็ทำให้เกิดรังแคบนหนังศีรษะได้เช่นกัน
3. ภาวะเครียดทั้งทางร่างกายและอารมณ์ที่ส่งผลให้ระบบการทำงานต่างๆของร่างกายทำงานผิดปกติจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแค
4. ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดศีรษะหรือเส้นผมอาจมีสารเคมีที่ทำให้แพ้ได้ เช่น แชมพูสระผม ยาย้อมผม ยาดัดผม หรือยายืดผม เป็นต้น
5. หากพบรังแคร่วมกับมีอาการอักเสบของหนังศีรษะด้วย อาจเป็นอาการที่แสดงของโรคเกี่ยวกับผิวหนังและเส้นผม ที่เจอได้บ่อยมากๆ เช่น Seborrheic  dermatitis หรือ โรคสะเก็ดเงิน หรือ โรคผิวหนังและรูขุมขนอักเสบ หรือ โรคติดเชื้อรา แบคทีเรีย

โรคที่เป็นสาเหตุของการเกิดรังแคที่พบได้มากที่สุดคือ seborrheic dermatitis จะมีการอักเสบของผิวหนังลักษณะอาการของโรคคือ เป็นผื่นแดง สะเก็ดแห้งๆเป็นขุยสีขาวเหลือง เห็นเป็นขอบชัดเจน ซึ่งมักหลุดลอกออกอยู่บ่อย ๆ สามารถเกิดได้ทุกอายุ ถ้าเป็นที่บริเวณหนังศีรษะ เรียกว่า รังแค (Dandruff) แต่ก็อาจเกิดขึ้นที่บริเวณอื่นของร่างกายได้ เช่น หน้า ข้างจมูก ระหว่างคิ้ว หรือเกิดเป็นสะเก็ดในหู คอ อาจมีอาการอักเสบที่ตาบริเวณเหนือกระดูกซี่โครง  หลังตอนบน  และหน้าอก  รักแร้ ในวัยทารกมักพบในบริเวณขาหนีบ  ใต้อก  และสะดือ

โรค Seborrheic  dermatitis อาจมีการผลิตน้ำมันซึ่งมีความเป็นกรดอยู่ออกมามาก จึงทำให้ผิวหนังอักเสบ หรืออาจเกิดจากเชื้อยีสต์ Malassezia ผลิตเอนไซม์ออกมาเจริญเติบโตและย่อยไขมันบนผิวหนัง เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบรุนแรงขึ้น

Seborrheic  dermatitis  อาการคล้ายกับโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) ซึ่งในการวินิจฉัยแยกโรคจึงต้องอาศัยความชำนาญพิเศษโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มักพบอัตราการเกิดSeborrheic  dermatitis  เพิ่มขึ้นในผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น พากินสัน หรือผู้ป่วยมีประวัติอุบัติเหตุที่

การป้องกันและรักษา

1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผม (แชมพูสระผม) ที่มีส่วนผสมอย่างใดอย่างหนึ่งของสารเคมีที่ผ่านการรับรองโดย FDA ซึ่งความเข้มข้นของตัวยาจะมีผลอย่างมากต่อการรักษา โดยแพทย์ผิวหนังผู้วินิจฉัยโรคเป็นผู้สั่ง เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ในระยะยาว
2. การใช้เทคโนโลยีเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันบนหนังศีรษะที่เป็นสาเหตุของปัญหารังแค
3. หลังสระผมเสร็จทุกครั้งควรเป่าผมให้แห้งสนิท อย่าปล่อยให้เส้นผอมแห้งเอง โดยการสระผมตอนเย็นหลังเสร็จกิจวัตรประจำวันแล้วเข้านอนทั้งๆที่ผมยังเปียกอยู่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะได้
4. งดทำการย้อมผม ดัดผม หรือยืดผม ทำให้เส้นผมและหนังศีรษะสัมผัสกับสารเคมีโดยตรง หากอยู่ในช่วงที่รักษารังแคควรหยุดใช้สารเคมีต่างๆจนกว่ารังแคจะหาย
5. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ส่วนประกอบของยาสระผมที่มีความอ่อนโยนสูง ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเพราะจะทำให้ไปกระตุ้นตัวเชื้อราและทำให้โรคเป็นมากขึ้น
6. ขณะที่สระผมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีตัวยารักษารังแค ควรนวดหนังศีรษะตรงบริเวณที่เป็นรังแคและทิ้งไว้สักพัก 5-10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด การนวดจะช่วยทำให้สารเคมีตัวยาซึมซาบลงสู่ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น
7. ลดภาวะเครียดและรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ที่ช่วยบำรุงเส้นผมและรากผมเช่น ผักและผลไม้ต่างๆ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ปัญหารังแคอาจทำให้หลายๆคนเกิดความกังวลและไม่มั่นใจในตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอาการและได้รับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป